ที่มา :  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

นักวิชาการเผยอาหารที่มีรสหวาน มีไขมันสูง ส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้เกิดความเครียด

เอมิลี เอดิสัน นักวิจัยด้านโภชนาการ และนักโภชนาการให้กับนักกีฬาในซีแอตเติล กล่าวว่า อาหารสามารถกำหนดอารมณ์ของเราได้ แต่หลายคนมักจะไม่รู้ว่า สิ่งที่พวกเขากินทุกวันส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ของพวกเขา อาหารบางอย่างนอกจากจะไม่ทำให้หายเครียดแล้วยังสร้างปัญหาให้เครียดมากขึ้นไปอีก ลองมาดูกันว่าอาหารชนิดไหนที่ควรเลี่ยงเวลามีความเครียด

1. คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล

จริงอยู่ว่าการรับประทานแป้งและอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลจะทำให้รู้สึกเพลิดเพลินเวลารับประทาน แต่นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ลงความเห็นว่าการเพิ่มคาร์โบไฮเดรตขัดขาวในอาหารจะเพิ่มความเครียดให้คุณ ซึ่งข้อมูลสุขภาพจากการติดตามผู้หญิงกว่า 7 หมื่นคน นักวิจัยพบปริมาณน้ำตาลในเลือดของพวกเธอเหล่านั้นสูง หลังจากพวกเธอรับประทานน้ำตาลและธัญพืชขัดขาว เพราะน้ำตาลที่นอกจากจะเพิ่มปริมาณแคลอรีอย่างมหาศาลให้ร่างกายแล้วยังไปทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดความแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนคอร์ติซอล และน้ำตาลเป็นต้นเหตุของการอักเสบเรื้อรัง ดังนั้นอาหารที่มีน้ำตาลสูงสามารถส่งผลต่อการอักเสบทั่วร่างกายทวีความรุนแรงขึ้นได้ และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้าได้มาก

2. น้ำอัดลม

อย่าคิดว่าเครื่องดื่มสุดโปรดที่แก้กระหายและแสนจะชื่นใจของคุณจะรอดพ้นจากข้อหานี้ เพราะน้ำตาลที่แฝงตัวอยู่ในน้ำอัดลมเทียบเท่ากับน้ำตาลถึง 10 ก้อน ซึ่งข้างต้นได้บอกถึงความเครียดที่จะเกิดขึ้นหลังจากความชื่นใจไปแล้ว สิ่งที่หลายคนยังสงสัยคือ น้ำอัดลมแบบ ไดเอตที่บอกว่าไม่มีน้ำตาลสามารถดื่มทดแทนได้ คำตอบคือ ให้ผลไม่ต่างกัน เพราะสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจะไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ส่งผลโดยตรงต่อโรคอ้วนและโรคเบาหวาน ดังนั้นสรุปได้ว่า ไม่ว่าน้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในน้ำอัดลมก็ร้ายกาจพอๆ กัน

3. ไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์ ศัตรูตัวร้ายของร่างกาย ซึ่งมีการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวคฟอเรสต์ พบว่าอาหารที่มีไขมันทรานส์สูงเป็นสาเหตุทำให้ น้ำหนักขึ้นและรอบเอวที่จะทำให้คุณเครียดยิ่งกว่าเดิม และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ไขมันเทียมยังไปกระตุ้นให้เกิดภาวะสมองเสื่อมและริ้วรอยก่อนวัยที่ควรจะเป็น  สำหรับในคุณผู้ชายสิ่งที่ต้องตระหนกก็คือฮอร์โมนเพศชายลดลงส่งผลต่อการผลิตสเปิร์มที่ด้อยคุณภาพด้วย

 

ที่มา : thaihealth