โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุต่าง ๆ มากมายที่เป็นตัวการทำลายสมาธิ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนหนึ่งที่เป็นคนสมาธิสั้นเอง หรือต้องทำงานกับบุคคลที่มีสมาธิสั้นก็ตาม

 

 

วิธีกำจัดตัวทำลายสมาธิจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะตัวทำลายสมาธินั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกปัจจุบัน ผู้อ่านคงอยากรู้ว่า 10 ข้อของตัวทำลายสมาธินั้นคืออะไรและมีวิธีแก้ไขได้อย่างไรบ้าง

1. สื่อโลกสังคมออนไลน์ เป็นการง่ายที่เราจะติดต่อกับสังคมออนไลน์และใช้เวลากับการกดไลก์กับข้อความ หรืออ่านโพสต์ของเพื่อนมากกว่ามีจิตใจจดจ่อในการทำงาน บางครั้งเราใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆในการโพสต์ หรือโต้ตอบข้อความ สิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวทำลายสมาธิในการทำงานทั้งสิ้น

วิธีการแก้ไขง่าย ๆ คือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปข้องแวะ หรือติดต่อทางสังคมออนไลน์ในเวลาทำงานแต่ให้ทำในช่วงเวลาพักแทนเพื่อว่าเมื่อถึงเวลาทำงานจะมีจิตใจจดจ่อกับงาน แต่ถ้าไม่สามารถทำได้จริง ๆ ให้ใช้วิธีนำเครื่องมือสื่อสารเหล่านั้นไปไว้ให้ไกล ๆ เพื่อที่เราจะไม่สามารถติดต่ออินเทอร์เน็ตได้จะเป็นการช่วยตัดปัญหาการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสังคมออนไลน์ทำทำให้ขาดสมาธิได้

2. ตอบอีเมลถล่มทลาย การตอบอีเมลส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน นับเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดสมาธิในการทำงานเพราะในแต่ละวันจะมีอีเมล์เข้ามามากมาย หลั่งไหลเข้ามาในเมล์บล็อคของเรา อีเมลเหล่านี้ต่างก็ทำให้เราขาดสมาธิในการทำงาน

วิธีแก้ไขง่ายง่าย คือ จัดเป็นเวลาเฉพาะสำหรับการตอบอีเมล อย่าให้การตอบอีเมลเป็นช่วงขัดจังหวะในการทำงานหรือความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำโครงการใดโครงการหนึ่งให้สำเร็จ และยังเป็นการช่วยให้เราจัดเวลาอย่างสมดุลยอีกด้วย

3. เสียงโทรศัพท์มากมายนับไม่หวาดไม่ไหว การที่ต้องใช้เครื่องมือสื่อสารเช่นโทรศัพท์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวทำลายสมาธิในการทำงานอย่างมากดังนั้นวิธีการแก้ไขที่ทำได้คือให้ตั้งกริ่งโทรศัพท์เป็นสัญญาณให้รู้ว่าใครโทร.มาโทรศัพท์จากคนภายนอกหรือคนในครอบครัว โทรศัพท์บางสายนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่เราทำได้คือปล่อยให้ฝากข้อความไว้และเมื่อมีเวลาให้เรามาฟังข้อความทั้งหมดแล้วโทรกลับไปได้ภายหลัง

4. หากคุณเป็นคนที่สามารถทำอะไรหลายหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อาจจะถือว่าเป็นกำไรของคุณแต่ในความเป็นจริงแล้ว มีการวิจัยทดลองที่พบว่ามีหลายคนที่สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันแต่ผลที่ออกมาจะใช้เวลามากกว่าคนที่ทำงานหนึ่งให้เสร็จไป เป็นชิ้น ๆ และเริ่มงานชิ้นใหม่

วิธีการแก้ไขง่าย ๆ คือ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันให้คุณเก็บงานเหล่านั้นไว้และไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นกว่าเช่นในขณะที่รับโทรศัพท์คุณก็สามารถจัดโต๊ะได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้สะอาดเรียบร้อยแต่หากเป็นโครงการงานใหญ่ ๆ ให้เราทำให้เสร็จไปแต่ละชิ้นต่อ ๆกันจะดีกว่าการทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

5. หากเป็นงานที่แสนจะน่าเบื่อและคุณไม่ชอบ ที่จะทำงานนั้นอาจจะทำให้คุณอยากจะทำงานอื่นมากกว่างานที่ น่าเบื่อนั้น วิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ การให้รางวัลกับตัวเองเช่นหากเราทำงานนี้เสร็จเราจะใช้เวลาพัก 10 นาที อาจจะออกไปเดินเล่นหรือไปนั่งทานกาแฟให้สบายใจก็ได้ การให้รางวัลกับตัวเองเป็นเหมือนตัวล่อตัวหนึ่ง ที่ทำให้เราอยากทำงานนั้นให้ลุล่วงไป หรือให้รางวัลตัวเองโดยการไปออกกำลังกาย ไปเดินเล่นฟังเพลงเบา ๆ สัก 10 หรือ 15 นาที จะทำให้เรามีแรงจูงใจและสมองปลอดโปร่งอีกด้วย

6. สมองมีความสับสนวุ่นวาย ทำให้ไม่สามารถมีจิตใจจดจ่อในการทำงาน ได้เช่นต้องไปซื้อกับข้าวเย็นนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดมากมายที่บ้านและต้องซื้อให้ครบ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราขาดสมาธิในการทำงานได้

วิธีการแก้ไขง่ายๆคือ ให้เราใช้ตัวช่วย คือ การจดบันทึกรายละเอียดของสิ่งที่ต้องซื้อเพราะเมื่อถึงเวลาเย็นเราสามารถจะนำรายการเหล่านั้นไปซื้อของได้โดยที่ไม่ลืม และจะทำให้เรารู้สึกสบายใจที่เราสามารถจะทำงานได้ครบถ้วนด้วย

7. ความเครียด นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถมีสมาธิในการทำงาน ได้หากเรามีความเครียดมากจะส่งผลถึงร่างกายเช่นปวดหัว ปวดไหล่ ปวดท้อง ปวดเอว เป็นต้น วิธีการแก้ไข คือ พยายามหาสาเหตุของความเครียดนั้นและแก้ไขให้ตรงจุด หรือใช้เทคนิควิธีการหายใจเข้าลึกลึกและออกให้หมด ทำซ้ำ ๆ และช้า ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ผ่อนคลาย หรือใช้วิธีการนั่งสมาธิก็สามารถทำได้

8. มีความวิตกกังวลมากเกินไป ข้อเสียของการมีความวิตกกังวล คือ ทำให้เรานอนไม่หลับในเวลากลางคืน และหากเราไม่สามารถนอนหลับในเวลากลางคืนได้จะส่งผลเสียเป็นอย่างมากต่อสมาธิในการทำงานในวันถัดไปวิธีการแก้ไขคือพยายามหาเวลานอนให้ครบ 7 - 9 ชั่วโมงในแต่ละวันหรืออาจจะใช้เวลาช่วงพัก หลับตาและพักสายตาบ้างจะทำให้สมองโลดแล่นและกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

9. ความหิว ความหิวนับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถจะทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยดี ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ คือขจัดตัวปัญหาออกไปคือให้เรารับประทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์และอิ่มท้องในแต่ละวัน เพื่อให้สมองทำงานได้อย่างดีการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยให้มีสมาธิและการทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นตลอดทั้งวัน

10. ตกอยู่ในภาวะความเศร้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะว่าความเศร้า เป็นตัวบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์และกำลังใจในการทำงาน ดังนั้นหากเรามีความเศร้าหรือตกอยู่ในภาวะของการสูญเสียให้เราปรึกษาเพื่อนผู้ใกล้ชิดหรือ ไปหาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะมาที่จะช่วยให้เรากลับมามีความสุขได้อีกครั้งหนึ่ง

คนมีสมาธิดีนับว่ามีชัยไปกว่าครึ่งเพราะสามารถจะทำสิ่งต่าง ๆให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ยาก ดังนั้นหากเรารู้ถึงตัวบั่นทอนใสการมีสมาธิ เราก็สามารถกำจัดสิ่งเหล่านั้นไปได้เพื่อที่เราสามารถจะยืนอยู่ในโลก และเต็มไปด้วยความสุขอีกครั้งหนึ่ง เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวค่ะ

 

เรื่องโดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัย

ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการ