แนะวิธีการใช้ยาเบาหวาน

ภญ.วนิชา ใจสำราญ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า โรคเบาหวานเป็นโรคที่มีผู้ป่วยติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อาการที่พบได้บ่อยๆ คือ กระหายน้ำบ่อยครั้ง ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด แต่กินมาก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ถ้ามีอาการ ดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับยาที่ใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเป็นยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ของตับอ่อนให้หลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้น และยังช่วยทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น อีกด้วย โดยอินซูลินทำหน้าที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ยาคลอโพรพามายด์ (Chlopropamide) ยากลัยเบนคลามายด์ (Glibenclamide)

ส่วนยาในกลุ่มที่สองนั้น คือ กลุ่มไบกัวนายด์ (Biguanide) เช่น ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) จะมีฤทธิ์เฉพาะ ที่มากกว่า มักใช้ในคนที่มีน้ำหนักมากๆ เพราะยาจะทำให้อยากอาหารลดลง แต่ทั้งนี้ ก่อนที่จะใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดไหน แพทย์จะเลือกพิจารณาว่ายาตัวใดเหมาะกับผู้ป่วย เพื่อให้การใช้ยามีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด คือ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป จะมีอาการเหนื่อย เหงื่อแตก ใจสั่น หน้ามืด จะเป็นลมหรืออาจหมดสติได้ ซึ่งเป็นผลมาจากยาลดระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินไป เมื่อเกิดภาวะเช่นนี้ ให้อมน้ำตาล ลูกอมหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานทันที และ จดบันทึกไว้ว่ามีอาการบ่อยครั้งแค่ไหน เพื่อแจ้ง ให้แพทย์หาทางแก้ไขต่อไป และหากรับประทานยา แล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง มีผื่นขึ้น ตาเหลือง ตัวเหลือง ตัวบวม ให้รีบไปพบแพทย์ ทันที เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต