ที่มา : รามาแชนแนล Rama Channel
โดย : อ.พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
โรคภูมิแพ้เป็นอาการผิดปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้มีปฏิกิริยาวัยต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น เชื้อโรค สารเคมี ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นได้ และ 70% ของคนบนโลกนี้มีอาการของภูมิแพ้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
อ.พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากอย่างน้อยๆ 3-4 เท่า สาเหตุที่สำคัญส่วนใหญ่มาจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป อากาศแปรปรวน ฝุ่นควัน การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง และในเรื่องของพันธุกรรม อีกอย่างหนึ่งคือวิวัฒนาการการแพทย์ดีขึ้น คนมาพบแพทย์ได้ง่ายจึงทำให้เราตรวจพบโรคภูมิแพ้ได้มากขึ้น โรคภูมิแพ้นั้นรักษาไม่หายขาด แต่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้
ภูมิแพ้หลักๆ แบ่งออกเป็น 5 ระบบ
1. ภูมิแพ้ตา(Eye Allergy) มีอาการคันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาตลอดเวลา
2. โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ(Asthma) ได้แก่ โรคหืด
3. โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง(Allergic Skin Disease) ได้แก่ ลมพิษ
4. โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ(Allergic Rhinitis) ได้แก่ อาการคัดจาม น้ำมูกไหล
5. โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ(Anaphylaxis) คือ เป็นหลายๆ ระบบรวมกัน หรืออาการแพ้ยา
ปัจจุบันเราสามารถทดสอบภูมิแพ้ได้โดยการ ทดสอบทางผิวหนัง การทดสอบจากผลเลือด การทดสอบทางผิวหนังนั้นแพทย์จะใช้เข็มสะกิดเล็กๆ และนำสารที่คนส่วนใหญ่แพ้มาทดสอบตรงบริเวณนั้นดู และดูเทียบกับสารที่เป็นน้ำเกลือ ก็จะทราบได้ว่าเราแพ้อะไรบ้าง ส่วนการเจาะเลือดก็นำไปตรวจว่าสัมพันธ์กับโรคอะไรบ้างได้เหมือนกัน
การทดสอบภูมิแพ้แบบนี้จำเป็นหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าสามารถทำได้ แต่แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาด้วยยาหรือการป้องกันเป็นอย่างแรก แต่หากคนไข้ไม่ตอบสนองเท่าที่ควรแพทย์ก็จะใช้วิธีการทดสอบวินิจฉัยนี้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ต่อไป
ที่มา : thaihealth