โรคไขมันพอกตับ หลายคนอาจคิดว่าโรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว โรคไขมันพอกตับอาจเกิดจากการสังเคราะห์ไขมันในตับผิดปกติ

โดยความผิดปกติและพัฒนาการของโรคจะดำเนินไปเช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคตับกลุ่มติดสุรา แต่ที่น่ากลัว คือ ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มที่เป็นโรค ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 เป็นระยะมีไขมันก่อตัวอยู่ในเนื้อตับ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดผลใดๆ

ระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ ในระยะนี้หากไม่ควบคุมดูแลให้ดี และปล่อยให้การอักเสบดำเนินไปเรื่อยๆ เกินกว่า 6 เดือน จะกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง

ระยะที่ 3 เป็นระยะที่มีการอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลง

ระยะที่ 4 เป็นระยะที่เซลล์ตับถูกทำลายไปมาก ตับไม่อาจทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป ตับแข็ง และอาจกลายเป็นมะเร็งตับ

ในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยโรคไขมันพอกตับนี้แทบจะไม่แสดงอาการ หรืออาจแสดงอาการเพียงเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ มีอาการตึงๆ บริเวณใต้ชายโครงขวา แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะพบโรคนี้ด้วยความบังเอิญเมื่อมารับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจอัลตราซาวด์เพื่อรักษาโรคอื่น

โรคไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ หรือไขมันจุกตับ คือ โรคที่มีไขมันเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับเกินปกติ คือ ประมาณ 5-10% ของตับโดยน้ำหนัก โดยทั่วไปมักเป็นไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งจะพบใน 75% ในคนที่เป็นโรคอ้วน 50.1% ของผู้ป่วยเบาหวาน และ 57.7% ของผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ โดยวินิจฉัยได้จากการตรวจอัลตราซาวด์และตรวจเลือดดูค่าตับ หากไม่ได้รับการรักษา จะนำไปสู่โรคตับอักเสบ ตับแข็ง หรือมะเร็งตับได้ในที่สุด

แนวทางรักษา คือ การลดละเลิกเหล้า แอลกอฮอล์ ควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก เลิกกินขนมจุกจิก ขนมขบเคี้ยว ลดแป้ง ลดหวาน ลดการรับประทานเนื้อแดงจากสัตว์ใหญ่ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว งดดื่มน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ปรุงแต่ง บริโภคอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตชนิดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ผลิตภัณฑ์จากนม
ไขมันต่ำ ผัก และควรออกกำลังกายเป็นประจำ

สมุนไพรทางเลือกบำรุงตับ และสามารถใช้ในภาวะไขมันพอกตับได้ ได้แก่ ขมิ้นชัน มะขามป้อม หรือสมอไทย ลูกใต้ใบ รางจืด สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยก็คือ การไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ และติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง

 

 

ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์