จากกระแสรายการทีวีรายการหนึ่งที่เป็นการแข่งขันเกี่ยวกับการ ร้องเพลงที่มีผู้ชมสนใจเป็นจำนวนมากกับการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขัน เข้ารอบที่อาจไม่ตรงใจใครหลายคนมากนัก จนเกิดเป็นข้อถกเถียงและวิจารณ์กันอย่างมากในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นค่านิยมใหม่ในสังคม

          ลูกหลานของเราสามารถเข้าโซเชียลเน็ตเวิร์คเหล่านี้ได้ง่ายโดยที่เราควบคุมได้ยาก ดังนั้น ในโลกยุคใหม่นี้เราควรมีภูมิคุ้มกันแก่ลูกๆของเราเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ ภูมิคุ้มกันเบื้องต้นที่หมออยากแนะนำคุณพ่อคุณแม่คือ

          1. สอนลูกให้รู้จักคิดเป็น เนื่องจากยุคสมัยนี้สังคมมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ อันตรายมีรอบด้าน ดังนั้น พ่อแม่กลุ่มหนึ่งจะกังวลและปกป้องลูกมากเกินไป ไม่ให้ลูกพบเจอกับปัญหา แต่เราลืมไปว่าถึงแม้เราจะปกป้องลูกดีอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถปกป้องได้ตลอดเวลา เราควรเปลี่ยนแนวคิดในการดูแลลูกใหม่เป็นการ

          ให้อาวุธในการใช้ชีวิตประจำวัน นั่นคือฝึกให้เผชิญกับปัญหาและมีวิธีในการแก้ปัญหาที่ออกมาจากความคิดของเขาเอง โดยตัวเราเปรียบเสมือนโค้ช คอยแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้ลูก เก่งขึ้น ให้ลูกรู้จักแยกแยะว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว สิ่งไหนอันตราย สิ่งไหนปลอดภัย เมื่อเราช่วยเหลือลูกน้อยลงเราจะเห็นความสามารถของลูกที่แท้จริงมากขึ้น ลูกก็จะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภูมิคุ้มกันไม่ให้ลูกไหลไปกับกระแสสังคมได้

          2. สอนเรื่องคุณธรรมศีลธรรม เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและที่พึ่งทั้งทางกาย วาจา ใจ ของเด็กเบื้องต้น ให้เด็กสามารถแยกแยะสิ่งดีชั่ว สิ่งใดควรไม่ควรทำอย่างง่าย เนื่องจากเด็กกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีความภาคภูมิใจในตนเองจะเป็นกลุ่มที่ชี้นำได้ง่าย เพราะเด็กกลุ่มนี้ต้องการการยอมรับจากสังคม ดังนั้น ใครว่าไง ตัวเขาก็จะว่าตามนั้น โดยเฉพาะเด็กที่ไม่มีที่พึ่งทางใจ เขาจะ พยายามหาที่พึ่งต่างๆเพื่อให้รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เช่น การแต่งตัวเลียนแบบดารา การถ่ายคลิปกับแฟนในลักษณะ ที่ไม่เหมาะสม

          3. ค้นหาเอกลักษณ์ ความสามารถของเด็ก เพื่อเป็นจุดที่ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง ส่งเสริม Self esteem ให้เกิดขึ้นในชีวิตจริง โดยไม่ต้องรอให้สังคมหรือคนอื่นๆมาชื่นชม ซึ่งเป็นพื้นฐานทางจิตใจที่ทุกคนต้องการการยอมรับจากสังคม และเป็นพัฒนาการที่สำคัญของเด็ก

          4. มีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวมากขึ้น เพื่อสร้างสัมพันธภาพ และรู้จักลูกให้มากขึ้นว่า เป็นเด็กที่มีบุคลิกอย่างไร ชอบอะไร มีปัญหาอะไร พ่อแม่จะได้สอนหรือชี้แนะได้ง่ายขึ้น และเป็นการฝึกทักษะการเข้าสังคม เพื่อให้ลูกสามารถมีทักษะที่ดีในการอยู่ในกลุ่มเพื่อนหรือโรงเรียน

          5. สอนให้รู้จักความแตกต่าง คือคนเราแต่ละคนการเลี้ยงดูต่างกัน ย่อมมีอุปนิสัย การนึกคิด ความสามารถ หรือความชอบที่ต่างกัน ดังนั้น ถ้าเรายอมรับความแตกต่างจุดนี้ได้ นอกจากตัวเราจะภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นโดยไม่ต้องเหมือนใครแล้ว เรายังยอมรับความคิดเห็นหรือความชอบของคนอื่นที่แตกต่างกันได้ โดยที่ไม่เก็บเป็นอารมณ์หงุดหงิดต่อกัน เคารพในความคิดและการแสดงออกของแต่ละคน

          5 หลัก ภูมิคุ้มกันนี้เป็นสิ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่ต้องรีบให้ความสำคัญและพัฒนาให้เกิดขึ้นในลูกของเรา เพื่อให้ลูกเราอยู่ในสังคมได้อย่างฉลาด รู้เท่าทัน ปลอดภัย และมีความสุข ในยุคที่เราไม่สามารถติดตามลูกได้ทุกก้าวเหมือนแต่ก่อน

 

 

          ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข โดย พญ.ถิรพร ตั้งจิตติพร  สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ร.พ.เด็ก)

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต