สาวๆ เคยได้ยินคำว่า กลูเตน-ฟรี (Gluten-Free) หรืออาหารที่ปราศจากกลูเตนกันบ้างหรือเปล่าคะ โดยจริงๆ แล้ว กลูเตนคือโปรตีนที่มักจะพบในธัญพืชข้าว เช่น ข้าวสาลี ข้าวไรย์ หรือข้าวบาเลย์
ซึ่งในหมู่สาวไทยยังอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันมาก แต่ในต่างประเทศมีสาวที่แพ้กลูเตนมากมาย จนในร้านอาหารต้องติดป้ายกำกับไว้ว่าเมนูไหนปราศจากกลูเตนบ้าง ซึ่งใครที่แพ้กลูเตนแล้วเลี่ยงไม่กินก็พอเข้าใจ แต่ใครที่ไม่ได้แพ้แล้วเลี่ยงการกินอาหารที่มีกลูเตนเพราะกลัวอ้วน ควรระวังผลเสียเหล่านี้ที่จะตามมานะคะ
ไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์
ธัญพืชบางชนิดอย่างข้าวสาลีหรือข้าวไรย์อุดมไปด้วยใยอาหาร แต่ก็มีกลูเตนผสมอยู่ด้วย ซึ่งหากคุณสาว ๆ เลี่ยงที่จะไม่กินของเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังอาจทำให้คุณมีปัญหาในการย่อยอาหารได้นะ
อาหารปราศจากกลูเตน ทำให้อ้วน
ถึงแม้ว่าคุณจะควบคุมน้ำหนักด้วยการเลือกกินแต่อาหารที่ไม่มีกลูเตน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คุณผอมได้ซะหน่อย เพราะอาหารที่ไม่มีกลูเตนหลายชนิดก็อุดมไปด้วยไขมัน แคลอรี่ และน้ำตาลอยู่ดี ทางที่ดีลองเลือกอาหารสุขภาพที่มีกลูเตนมากินยังจะดีกว่าอีก
ไม่ได้รับวิตามินบี
วิตามินบีเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อร่างกาย เพราะมันช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง, ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น, ดีต่อระบบประสาท, ช่วยเร่งการเผาผลาญอาหาร และช่วยทำให้เส้นผมและเล็บยาวเร็ว โดยวิตามินบีมักจะถูกพบในโฮลเกรน (ธัญพืชขัดสีน้อย) นั่นเอง ซึ่งหากคุณมัวแต่งดอาหารที่มีกลูเตนเหล่านี้ ร่างกายของคุณก็จะขาดวิตามินบีไปโดยปริยาย
ไม่ได้รับโฟเลต
โฟเลตเป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกายมาก ๆ เพราะมันจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี หากคุณไม่ได้รับโฟเลตเพราะเลือกกินแต่อาหารที่ปราศจากกลูเตน ก็อาจจะทำให้สุขภาพร่างกายของคุณแย่ได้นะ
เสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
ในอาหารที่ปราศจากกลูเตนมักมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตอยู่เยอะ ซึ่งจะทำให้คุณเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจได้ ทางที่ดีมาเลือกอาหารที่มีกลูเตนแต่เป็นอาหารสุขภาพและมีวิตามินที่ดีต่อร่างกายมากินจะดีกว่าเยอะ
อย่างไรก็ตาม การเลือกกินอาหารบางอย่างและเลือกไม่กินบางอย่าง ก็ถือเป็นนิสัยการกินที่ไม่ดีแล้ว เพราะคนเราต้องการสารอาหารและวิตามินให้ครบนั่นเอง หากสาวๆ คนไหนที่ชอบกินแต่อาหารปราศจากกลูเตนละก็ ลองหันมาเลือกกินจะดีต่อสุขภาพร่างกายมากกว่านะคะ
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
http://www.thaihealth.or.th/