แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ต้นทุนไม่เท่าคนอื่นและโตมากับชีวิตที่ขาดพ่อพร้อมกับหนี้สินสินก้อนโตของบ้าน แต่นั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิง "รฐา โพธิ์งาม" หรือ "ญาญ่าหญิง" เก็บมาคิดให้น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา "ญาญ่าหญิง" เกิดและโตมาในยุคที่คุณแม่ "น้อย โพธิ์งาม" มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและต้องทำงานเป็นหลัก จึงทำให้ชีวิตวัยเด็กของเธอต้องอยู่กับพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ แต่นั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เธอนำมาเป็นข้ออ้างชีวิตวัยเด็กว่าขาดความอบอุ่น
"ช่วงที่คุณพ่อกับคุณแม่เลิกกันตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่รับรู้ว่าเขาเลิกกัน จะมารู้สึกมากๆ ตอนแปดเก้าขวบ ว่าทำไมเรามีไม่พ่อเหมือนคนอื่น แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีที่หญิงทำงานเร็ว ความรู้สึกจึงถูกทดแทนด้วยการที่ทำงานที่เรารักที่จะเป็นนักแสดง รักที่จะเป็นนักร้อง รักที่จะเต้น มันเลยเหมือนเราได้ทดแทนตรงนั้นแล้ว ความเหงาตรงที่เราอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ กลายเป็นว่าเราเอาตัวเองมาอยู่ที่ทำงาน มาซ้อมเต้นมาอยู่กับเพื่อนๆ ในวงการเลยเป็นการทดแทน ซึ่งหญิงว่าหญิงไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไป"
"ความขาด" ภูมิต้านต้านเติมเต็มชีวิต "ญาญาหญิง" เล่าว่าเธอได้เรียนรู้ความขาด ชีวิตที่ไม่มีพ่อ ครอบครัวเป็นหนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้เข้าใจชีวิตว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์เสมอ จึงนำความขาดที่มีมาเติมเต็มความเข็มแข็งให้ชีวิต
"หญิงว่าหญิงเรียนรู้ชีวิตตั้งแต่เด็กแล้ว มันไม่อะไรที่เราได้ทุกอย่างมาในชีวิตหรอก สิ่งที่เราได้มาคือครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่เราก็ได้ความแข็งแรงได้เข้าใจชีวิตและไม่มีคำถามว่า ทำไมพ่อไม่อยู่กับเราในวันนั้น คือเราสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในวันพ่อในทุกๆ ปี สามารถอยู่ได้ว่าไม่เป็นไร หญิงว่าทุกอย่างในชีวิตเรามันไม่มีใครได้ทุกอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหญิงรู้สึกว่าความขาดกับหญิงมันเป็นเรื่องที่อยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ทำให้หญิงรู้สึกดาวน์ ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องพ่อ เรื่องหนี้สินตอนที่เราขาดชีวิตที่มันไม่มีเงิน แต่ว่ามันกลายเป็นว่าทุกสิ่งที่เราขาดมันเติมเต็มให้เราโตให้เราเรียนรู้กับมันแล้วก็อยู่กับมันค่ะ"
เมื่อพูดถึงความขาดในชีวิตที่ขาดพ่อผู้เป็นผู้นำครอบครัวแล้วนั้น "ญาญ่าหญิง" ยังได้เผยต่อถึงรสชาติชีวิตความลำบากที่เป็นหนี้เป็นสิน พร้อมยังบอกอีกว่าเมื่อวันนี้ลืมตาอ้าปากได้แล้วก็ไม่ขอใช้ชีวิตประมาทเช่นเดิม
"จำได้ว่าตอนที่เช่าบ้าน พอแบบฝนตกหลังคารั่วเราก็สัมผัสมาหมดแล้ว วันนี้ก็ซื้อบ้านให้แม่ แม่ก็จะพูดตลอด ดีใจเนอะแม่ไม่ต้องมานั่งอุดหลังคาฝนตกหน้าฝน ทุกหน้าฝนแม่ก็จะพูดคำนี้ จำได้ไหมหญิงตอนนั้นเราเช่าบ้านอยู่ที่บ้านหลังคารั่วมีฝนตกลงมารั่วๆ เงินก็มีแต่เหรียญแม่เก็บเหรียญไว้ ชีวิตวันนี้เรามานั่งมองตัวเอง ชีวิตเรามันขนาดนั้นเลยเหรอ"
"เราเลยใช้ชีวิตแบบระวัง เพราะว่าเราเคยอยู่จุดนั้นมาแล้ว คนที่ไม่เคยอยู่จุดนั้นไม่มีทางเข้าใจ เราเคยอยู่ตรงนั้นเราเข้าใจคุณค่าของเงินกว่าแม่จะตำส้มตำได้มาครกละ 40 บาท เลยทำให้เราเห็นคุณค่าของมัน วันนี้เราทำงานได้มากขึ้นได้เงินมามากขึ้นก็จริง แต่ถ้าเราใช้ชีวิตแบบประมาทเหมือนเดิมเราก็มีสิทธิที่จะกลับไปตรงนั้นเหมือนกัน"
สู้เพื่อแม่ปลดหนี้ 9 ล้าน
Advertisement
"หนี้ครอบครัวทั้งหมด 9 ล้าน แต่พอขายบ้านขายอะไรก็เหลือประมาณ 4-5 ล้านบาท ก็คือเคลียร์เลยยอดคนนี้เท่านี้ หญิงไหวที่เท่านี้ และมันเป็นเรื่องของดอก คือจ่ายไปตั้งเยอะเจ้าหนีเขาก็ไม่ยอม มันก็เป็นอาชีพของเขา หญิงก็เข้าใจหญิงก็เอาแบบดอกรวมต้นทั้งหมดหญิงไหวเท่านี้ หญิงมีเงินสดให้เท่านี้ซึ่งเขาก็อยากได้เงินสดกัน หญิงก็เคลียร์ ๆ มีเท่าไรก็แบบปิดบัญชีเหลือไม่กี่หมื่นเอง ช่วงนั้นแต่เพราะมีงานเราก็ทำงานๆ จนสุดท้ายก็หมดใช้หนี้จนหมด"
"ซึ่งพอเราไม่มีหนี้มันก็มีความสุข แต่ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิต หนี้บ้านก็ยังมียังต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ก็ถือว่ามันไม่มีเรื่องที่เราปวดหัว เราไม่ต้องเห็นแม่มานั่งเครียดแบบว่า ขอผ่อน ขอผลัดเขา แม่แบบไม่ต้องรับโทรศัพท์บ่อยเหมือนแต่ก่อน ว่างหูแล้วอารมณ์เสีย เราก็แฮปปี้แล้ว แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น หากชีวิตคนเรามันไม่มีแรงขับเคลื่อนในชีวิตเลยก็ไม่ได้ อย่างทุกวันนี้ที่เราอยากทำงานก็เพราะเราอยากผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆ ก็แค่นั้น"
เพราะด้วยความตั้งใจในการทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อหวังปลดหนี้ให้กับครอบครัว และวันหนึ่งก็ทำได้จึงส่งผลคนมองเธอเป็นตัวอย่างของลูกกตัญญู "ญาญ่าหญิง" เผยถึงความรู้สึกกับเรื่องนี้ว่า
"ความกตัญญูมันมีทุกคน แต่หญิงอาจจะอยู่ในจุดที่คนเห็นแล้วจำได้มากกว่า จริงๆ คนกตัญญูกว่าหญิงมีอีกเยอะ คนที่โอกาสน้อยกว่าหญิง เอาง่ายๆ เลยเราแค่มีโอกาสมากกว่าเขา ดังนั้นยิ่งมีโอกาสมากก็ยิ่งรักษาไว้ให้ดี หญิงมองอย่างนั้น แต่บางทีคำพูดว่ากตัญญูกับหญิงมันเป็นเรื่องที่ทำให้หญิงกดดันเหมือนกันนะ เพราะรู้สึกว่าเราจะทำไม่ได้บ้างได้ไหม ซึ่งหญิงก็เป็นคนเป็นมนุษย์ หญิงแค่รู้สึกว่าบางทีคำชื่นชมมันกลายเป็นคำที่ทำให้เราต้องตีกรอบตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าช่างมันเถอะยังไงมันก็เป็นคำชื่นชมที่ดี ถ้าเกิดเป็นคำไม่ดีขึ้นมาเราก็ต้องเครียด แต่อันนี้เป็นคำชื่นชมที่ดี หญิงก็ไม่ได้เครียดอะไรค่ะ"
ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่สาว "ญาญ่าหญิง" ฝากไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่ประสบปัญหาหนี้สิน ขอเพียงแค่มุ่งมั่นสักวันเมื่อไร้หนี้ชีวิตก็จะพบความสุข
"ตอนที่หญิงมีหนีมีสินเยอะๆ หญิงก็มองไม่เห็นหนทางเหมือนกันนะ ว่ามันจะหมดไปได้ยังไงหรือว่ามันจะไปจบตรงไหน แต่เพียงว่าโอกาสเราอาจจะอยู่ในจุดที่เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น หญิงเชื่อว่าปัญหาที่มีมาถ้าเราตั้งใจกับมันจริงๆ ถ้าเรามุ่งมั่นกับชีวิตจริงๆ ไม่ท้อเราว่าปัญหาไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เงินแสนเงินหมื่น เอาจริงๆ มันไม่ได้ยากมันหาได้ ถ้าไม่ขี้เกียจถ้าลุกขึ้นมาทำงานทำการยังไงมันก็หมด แล้วเวลาหนี้มันหมดชีวิตมันก็มีความสุขค่ะ"
ที่มา sanook