ก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาให้สัมถาษณ์ว่า “สามี” เป็นโรคทางจิตวิทยาที่ชื่อว่า “นาซีซัส” หรือ “โรคหลงตัวเอง” จนหลายคนหวั่นใจว่าออกมาพูดแบบนี้จะทำให้เกิดปัญหา มาคราวนี้ “ปุ๊กกี้-ปริศนา พรายแสง” มานั่งโต๊ะกลมเปิดใจว่าสามีมี “ชู้” ในรายการ “จุดเดือด” ทาง “ช่อง 2” บันเทิงมาเต็ม (หมายเลข 38) โดยพีธีกรคู่เดือด “อุ๊บ-วิริยะ พงษ์อาจหาญ” และ “โก้-ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” ร่วมด้วย “ฝัน-ครุสุดา วันมา” ทำหน้าที่พิธีกร ซึ่งก็ทำให้อึดอัดกันไปทั้งรายการ เพราะปัญหาครอบครัวที่ “สาวปุ๊กกี้” เล่ามาช่างหน้าอึดอัด ไม่สามารถคุยกันต่อหน้า เลยต้อง “คุยผ่านสื่อ” แต่สาเหตุที่ “อดทน” ประคองครอบครัวนั้นนั้นเป็นเพราะอะไรทำไมไม่ “เลิก” ไปให้จบๆ เราไปฟังจากปากเธอกัน
เพิ่งมีให้ข่าวว่าสามีเป็นโรคหลงตัวเอง เขารู้แล้วใช่ไหม ?
“ก็ทราบ แต่เขาไม่พูดกับเรา แต่ถ้าเป็นคนปกติก็คงพูดแล้วว่าทำไมคุณออกไปพูดแบบนั้น ต้องมาเคลียร์กันแล้ว แต่ไม่มี ก็อยู่เหมือนเดิม(ยิ้ม)”
เอาจริงๆ เขารู้ไหมว่าเราพูดให้ข่าวเรื่องนี้ ?
“ได้ยินบทสนทนาทางโทรศัพท์กับเพื่อน ประมาณแบบว่าเขาทราบเรื่องนี้”
เขาเปลี่ยนไปไหมเรื่องพฤติกรรม ?
“ก็ชัดเจนกว่าเดิม คือเหมือนกับว่าเราทราบอยู่แล้วว่าเขามีพฤติกรรมต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็เหมือมมีเกรงใจบ้าง แต่ตอนนี้ก็ชัดเจน เหมือนกับว่าก็ฉันเป็นอย่างนี้”
เขามีพฤติกรรมยังไง อีกมุมหนึ่งหลักพูดเรื่องนี้ตัวเราเองก็โดนเยอะ ?
“คือต้องย้อนความนิดหนึ่งว่าเราก็โดนว่าเราไม่ใช่หมอ ไม่ใช่แพทย์จะมาวินิจฉัยโรคเอง มันไม่ถูกต้องตรงนี้ก็เห็นด้วยค่ะ แต่จากประสบการณ์ที่อยู่ร่วมกันมาจะ 9 ปี เราก็เหมือนกับว่าหาทางบำบัดตัวเอง หาคำตอบให้กับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นโรคอะไร โรคซึมเศร้า แต่ไอ้โรคนี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นโรคที่เมืองนอก ฝรั่งในทางโซเชี่ยลนะคะมีการมาปรึกษากันมีเป็นกรุ๊ป ช่วยกันรักษาพออ่านแต่ละข้อ ตรงทุกข้อ ไม่มีข้อไหนที่ไม่ถูกเลย เช่น ง่ายๆ ก็คือฉันถูกที่สุดในโลก ซึ่งบางทีใครๆ ก็เป็น เป็นเรื่องปกติ คือมันมีเส้นบางๆ ระหว่างของคำว่าสันดานที่กั้นอยู่ แล้วมันข้ามไปยังไงถึงได้เป็นโรคนี้ มันต้องครอบทุกข้อจริงๆ แถมข้อเพิ่มให้ด้วย”
ดูเหมือปัญหาเยอะ ทำไมถึงยังอยู่ด้วยกันตั้ง 9 ปี ?
“นั่นสิคะ หลายคนก็ถามไม่เลิกไปเลย พอมีลูกแล้วด้วยก็เลยพยายามไม่อยากจะคบคนโน้นคนนี้ ไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยกอีก ซึ่งจะโดนข้อกล่าวหาว่าคนที่ 3 แล้ว เอาไม่รอดอีกแล้วควรจะพิจราณาตัวเอง ซึ่งใช่ค่ะหนูพิจารณาตัวเองตลอด แล้วก็เนี่ยพยายามที่จะแบบอะไรนิดอะไรหน่อยก็พยายามที่จะมองข้าม ผ่านบ้าง ปรับปรุงตัวเอง จนแบบก็ปรับแล้ว ข้ามแล้วมันก็เหนื่อย มันดึงดูพลังงาน เราฝ่ายเดียวที่พยายาม ซึ่งก็ไม่เป็นไรก็ยังอยู่ต่อไป”
ออกมาแบบนี้ หลายคนก็มองเอาเรื่องในบ้านมาพูด ?
“ก็รู้สึกว่าคือจริงๆ เราไม่ได้มีเจตนา แต่ออกมาพูดขนาดนี้แล้วมันก็ใช่ เหมือนเอาออกมาประจารณ์ แต่คือเราพูดกันตรงๆ มันไม่ถึง ขนาดเราสื่อทางทีวีออกไปแล้วก็ไม่ถึงอยู่ดี(หัวเราะ) เข้าใจไหมคะ บางคนอาจจะบอกว่าฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าหลายคนฟังแล้วเข้าใจเพราะเท่าที่ดูจากฟีดแบก คอมเม้นท์ต่างๆ บอกฉันกำลังเจออยู่ บางคนบอกไม่ใช่ แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เข้าใจ”
มือที่ 3 เกี่ยวไหม ?
“ของเราไม่มีแน่นอน คือคนจะมองว่าปุ๊กกี้เนี่ยสามีเยอะหนึ่ง สอง สามก็ไม่รอด แต่ให้ดูดีๆ ว่าทีละคน ชัดเจน แต่คือเราก็ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้เราก็พยายามให้ถึงที่สุด ที่บอกว่าต้องมองฝ่ายหญิงด้วย อันนี้ก็เห็นด้วย ก็พยายามมองข้อบกพร่องของตัวเอง ถ้าเราไม่ดีก็เลิกไปสิ ทิ้งฉันเถอะ”
เคยพูดไหม ?
“เคย พูดดีก็แล้ว เหวี่ยงก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว ก็ยังอยู่กันเหมือนเดิม”
เขาไม่ยอมเลิกเหรอ ?
“เขาก็กลับมาเหมือนเดิม”
ตัวเราเคยคิดจะเลิกไหม ?
“คิด เพราะมันเป็นอะไรที่อึดอัด มันเป็นอะไรที่แบบทำไม มันไม่ปกติ”
เขาหึงหวงไหม ?
“มีค่ะ ถูกกล่าวหาตลอดว่าเธอไปโน้นนั่นนี่กับใคร ซึ่งฉันอยู่แต่บ้าน ทำงาน สามารถติดต่อเราได้ตลอด แต่ทำไมคนที่ติดต่อไม่ได้กลับคือคุณ”
เขามีมือที่ 3 รึป่าว ?
“มันก็… สำหรับ….(อึกอัก) ก็มีค่ะ”
อันนี้คือเราคิดคนเดียวใช่ไหม ?
“ไม่ใช่ค่ะ ปุ๊กกี้ไม่เคยกล่าวหาใครโดยที่ไม่มีหลักฐาน คนโน้นคนนี้หาว่าเราเป็นอย่างนี้ พูดกันลอยๆ ไม่มีหลักฐานว่าเราเป็นจริงๆ เราเจอขึ้นโรงขึ้นศาลเยอะจนเราไม่กล่าวหาใคร หรือว่าเราไม่กล้าที่จะพูดออกมาโดยที่เราไม่ชัวร์”
ที่พูดวันนี้ไปเจอหลักฐานอะไรมา ?
“คนเราอยู่ด้วยกันมันก็จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เราก็เริ่มเป็นนักสืบ สืบไปสืบมาก็อ๋อโอเค แต่ก็ช๊อค”
เจออะไร ?
“เจอว่าติดต่อกับคนคนหนึ่ง แล้วที่หายๆ ไปก็คิดว่าคงอยู่กับคนคนนี้มั้ง(ยิ้ม) แล้วก็ตามไป อ้าวอยู่จริงๆ ด้วย(ยิ้ม) ซึ่งก็ไม่เป็นไรถ้าคุณอยากจะไปเริ่มต้นใหม่กับใคร ไม่ว่าขอให้เลิกกันดีๆ ชัดเจน แต่แบบก็กลับมาเหมือนเดิม(ยิ้ม)”
วันที่เรารู้เขานอกใจรู้สึกยังไง ?
“วันนี้รู้สึกว่างเปล่า คือมันไม่รู้สึกอะไรเลย อ๋อนี่ไงได้คำตอบแล้ว เหมือว่าจะดีใจ ไม่ใช่ดีใจสิ เหมือนเราได้คำตอบว่าไอ้พฤติกรรมโน้นนั่นนี่น้อนกลับไป เป็นเพราะนี่เอง”
เขารู้ไหม ว่าเราจับได้แล้ว ?
“รู้ค่ะ”
ทุกวันนี้ยังนอนด้วยกันไหม ?
“นอนด้วยกัน ใช้ห้องร่วมกัน นอนด้วยกันบ้าง แต่บางทีเวลานอนเราไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกัน เราต้องนอนเร็ว เช้าลูกตื่นเราต้องดูแลลูก นอนเตียงเดียวกันบ้าง โซฟาข้างๆ บ้าง ไม่ได้มีแบบต้องนอนแล้วเข้านอนพร้อมกัน มันไม่มีจุดนั้นมานานแล้ว”
ตอนนี้ยังเรียกกันเป็นครอบครัว เป็นสามี-ภรรยา ?
“ก็ยังคงเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก แต่มันก็งงๆ ดีค่ะว่า”
อยู่แค่ในหน้าที่ ?
“ใช่หน้าที่แต่ว่าไม่ได้จำเป็น แล้วก็บอกเขาแล้วว่าไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมาดี แต่คือเราดูแลลูกกันได้มันมีทางที่เราจะเจอกันตรงกลาง โดยที่เราชัดเจนอยกทางกัน แต่มันก็แบบ(ส่ายหน้า)เหมือนเดิมค่ะ(ยิ้ม)”
มีวันที่รู้สึกดีๆ แฮปปี้เหมือนตอนรักกันแรกๆ บ้างไหม ?
“ใจเรามันผ่านมรสุม สงครามโลก(ถอนหายใจ) แล้วมันเหนื่อยมากๆ บอกตรงๆ ว่ามันเหมือนเล่นเกมส์เราต้องดูว่าวสันนี้คุณจะมาแบบไหน วันนี้คุณจะเงียบ หรือคุณจะดี จะคุยกับเรา จะน่ารักใส่ หรือคุณจะตึงมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเหนื่อย”
เขารักลูกไม ดูแลลูกรึป่าว ?
“รักค่ะ”
ค่าใช้จ่ายล่ะ ?
“ก็ช่วยๆ กันค่ะ”
ที่มา : entertain.teenee.com