นักร้องนักแสดงสาว "พิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร" หรือ "พิมพ์ ซาซ่า" เปิดใจแบบหมดเปลือกเป็นครั้งแรก หลังทราบข่าวดีจากแพทย์ผู้ดูแลว่าผลตรวจเลือดของตนเองล่าสุดไม่มีเชื้อมะเร็งหลงเหลืออยู่แล้ว!!! ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยออกมาให้สัมภาษณ์แบบช็อกวงการเกี่ยวกับก้อนเนื้อขนาดใหญ่บริเวณรังไข่ ที่มีโอกาสพัฒนาจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งในอนาคต จึงจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาด้วยการทำคีโมถึง 6 ครั้ง ท่ามกลางกำลังใจจากแฟนๆ ทั่วทั้งประเทศ...
"ดีใจมากค่ะ แต่ในทางการแพทย์โรคภัยไข้เจ็บเดี๋ยวเขาก็มาเดี๋ยวเขาก็ไป ก็ยังมาได้อีก พิมพ์รักษาครบทุกขั้นตอนทุกอย่างที่ควรจะทำผลเลือดในวันนี้ที่ออกมาคุณหมอก็แสดงความยินดีว่าหายเป็นปกติแล้ว ความรู้สึกแรกที่รู้คือดีใจมาก มันบอกเป็นคำพูดไม่ถูก ยิ้มมาตั้งแต่นิ้วเท้าจนขึ้นมาถึงปาก วันนั้นก็ลุ้นมาก ทุกครั้งที่ไปตรวจเลือดจะลุ้นอยู่แล้ว จะลุ้นว่าต้องโดนฉีกยาไหมถ้าเลือดไม่ดีวันนั้นคุณหมอก็บอกว่าพิมพ์หายเป็นปกติแล้ว วันนั้นก็อยู่กับคุณแม่ด้วย พิมพ์ก็เชื่อว่าแม่ก็ยิ้มมาจากนิ้วเท้าเหมือนกัน จะบอกไงดีอ่ะ มันตื่นเต้น มันดีใจเลือดมันสูบฉีดขึ้นมาจนหน้าแดงไปหมดแต่ไม่ร้องไห้นะคะ"
หมอบอกไหมว่าที่หายเร็วขนาดนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอะไร ?
"ต้องบอกแต่ต้นว่าที่ผ่านมาพิมพ์ไม่เคยตรวจสุขภาพเลย แล้วปีนี้อยู่ๆก็ลองตรวจ แล้วแจ็คพอตเจอเลย มะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น ซึ่งมันโชคดีมากที่พิมพ์ยังไม่ทันได้มีอาการเจ็บป่วยจากโรคนี้ เพราะบังเอิญเจอเลย ก็รักษาได้ ก็ทำคีโม6ครั้ง ตอนแรกเราก็คิดนะเรายังไม่ทันเป็นอะไรเลยทำไมเราต้องรักษาด้วยวิธีรุนแรงขนาดนี้ แต่ด้วยโรคนี้มันก็จะมีวิธีของเขาที่สมควรจะทำ พอโรคเจอชุดใหญ่ขนาดนี้ก็สมควรจะต้องหายค่ะ ซึ่งหลังจากที่เจอก็ใกล้ชิดคุณหมอมาตลอด 6-7 เดือนที่ผ่านมา"
หลังจากนี้คุณหมอมีแนะนำยังไงบ้างในการดูแลตัวเองต่อไป ?
"หลังจากนี้คุณหมอก็บอกให้พิมพ์กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่อาจจะต้องดูแลตัวเองในเรื่องอาหารการกิน แต่คุณหมอก็ไม่อยากให้เราสุดโต่ง อยากให้เราเดินสายกลางบาลานซ์ให้ได้ หลังจากนี้พิมพ์เองก็ยังต้องใกล้ชิดคุณหมออยู่ตลอด ยังต้องเข้าออกโรงพยาบาล แต่อาจจะห่างๆเดือนละครั้ง แล้ว2-3เดือนครั้งก็ว่ากันไป"
หลังจากที่เราป่วยหนักได้บทเรีบนอะไรกับชีวิตบ้าง ?
"วิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต มุมมองอะไรต่างๆเปลี่ยนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนเป็นคนดีอะไรขึ้นมาขนาดนั้น เราก็ยังเป็นเรา แต่จะคิดจะทำอะไรมันก็มีวิธีคิดที่แปลกใหม่ขึ้นบ้างเล็กน้อย เท่าที่สังเกตจากตัวเองนะ เราเข้าใจเลยว่าความตายมันเข้าใกล้เรานิดเดียวเอง มันก็ไม่มีใครหนีความเจ็บป่วยได้ ไม่มีใครจะไม่เจอโรคภัย ไม่เจอวันนี้ก็ต้องเจอวันหน้า ไม่เจอน้อยก็เจอมาก มันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาต้องเจอ เราเกิดแก่ตอนนี้เริ่มเจ็บแล้ว มันก็จะมีวันที่เราต้องตาย ตอนนี้เราก็เข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกวัน เราเลยรู้สึกว่าเราอยากอยู่บนโลกนี้อย่างเป็นประโยชน์ อยากอยู่อย่างมีความสุขในทุกๆวัน เหมือนทุกวันนี้เราก็เคาท์ดาวน์ชีวิตตัวเอง เมื่อไหร่จะถึงวันที่เราจะตาย วันที่เหลือเราจะไม่ใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ไปเรื่อยๆ จากวันนี้เราก็คิดมากขึ้นว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด"
หลังจากนี้มีเป้าหมายชีวิตยังไงบ้าง ?
"ขอให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหนักๆแบบนี้อีกแล้ว ส่วนอื่นๆก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้มาก ตอนนี้รู้สึกแค่ว่าอยากมีความสุขทุกวันแบบนี้ ทำในสิ่งที่เราแฮปปี้ที่จะทำ ได้ทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้างที่เราสามารถทำได้"
ได้กำลังใจเยอะเลย ?
"มากมายจริงๆค่ะ พิมพ์เองก็ตกใจมากที่คนให้ความสนใจและเป็นห่วงเป็นใยถามไถ่อาการ พิมพ์พูดเลยว่ากำลังใจนี้เป็นส่วนใหญ่ที่ทำให้พิมพ์ผ่านเรื่องราวตรงนี้มีกำลังใจและมีแรงใจที่จะมองเห็นโลกนี้ว่ามันน่าอยู่มากขึ้น และมีแรงพอที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น เราได้กำลังใจจากทุกคนมาเยอะมากจริงๆ พอเรามีล้นเราก็อยากจะแบ่ง ก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆสำหรับกำลังใจมันช่วยได้มากจริงๆค่ะ"
กลายเป็นไอดอลของการต่อสู้โรคร้าย ?
"จะเล่าให้ฟังเล่นๆว่าพิมพ์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยพอไปถึงก็เจอคุณป้าคุณแม่คุณน้าคุณน้องหลายๆวัน ทำให้รู้ว่าเรื่องของเรามันเล็กจริงๆมีคนที่เขาเป็นนักสู้กว่าพิมพ์อีกมาก แค่เขาไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ได้มาออกสื่อ เขาเก่งกว่าพิมพ์เยอะมาก เขาอยู่กับมันมาเป็นสิบๆปี ให้คีโมมา20-30รอบ มีคนบนโลกใบนี้อีกมากที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่าพิมพ์ วันนี้พิมพ์แค่เป็นส่วนเล็กๆที่มีโอกาสได้เป็นตัวแทนออกมาพูด บอกเล่าสิ่งที่เจอมา ได้มาเป็นกำลังใจให้กับคนอีกหลายๆคนเท่านี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์แล้ว เป็นบุญแล้วที่เราได้เจ็บได้ป่วยได้เอาเรื่องราวของเรามาบอกเล่ากับคนอื่น"
ต่อจากนี้จะออกมาช่วยเหลือเป็นอาสาสมัครให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็ง ?
"ก็ยินดีทุกอย่างเท่าที่พิมพ์สามารถทำได้ ช่วยเหลือได้และเป็นประโยชน์จริงๆเราสามารถไปได้เลย"
ตอนนี้ผมเริ่มขึ้น ?
"ตอนนี้เริ่มขึ้นแล้ว น่ารักมาก ผมเริ่มขึ้นเหมือนขนแมวเลย นิ่มมากแล้วคิ้วก็เริ่มฟูแล้ว จับไปมีขนขึ้นมาแล้ว ดีใจมาก ตื่นขึ้นมามันก็ขึ้น มันถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของการทำคีโมที่ผมสามารถขึ้นมาใหม่ได้แต่เซลล์ที่เราฆ่ามันก็ตายแล้วตายเลย แต่เรื่องใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"
เรื่องการรับงาน ?
"คิดถึง อยากทำงานทุกอย่างเลยเพราะเราหยุดไปนาน อยากทำอะไรก็ได้ที่เราสามารถทำได้ที่ไม่ไปเป็นภาระกับใคร แล้วทีมงานเข้าใจให้ไปทำอะไรพิมพ์ก็อยากจะทำ ตอนนี้ก็พร้อมเริ่มทำงานแล้ว ไฟแรง (ยิ้ม)"
เชื่อในเรื่องของปาฏิหาริย์ ?
"เชื่อสิ คำว่าปาฏิหาริย์จริงๆ แล้วก็อยู่ที่ตัวเราด้วย พิมพ์รู้สึกว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันกำหนดไว้แล้ว ในทางพระพุทธศาสนามันก็คงเป็นกรรมดีและกรรมไม่ดีที่เราเคยทำมา มันก็ส่งผลกับชีวิตเราทั้งหมด ถ้าจะเรียนมันว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็คงเป็นคำที่ไม่ได้ขี้เหร่ที่จะใช้แต่ว่าทุกอย่างมันก็อยู่ที่ตัวเราอยู่ที่การดูแลของเรา อยู่ที่การใช้ชีวิต"
ฝากอะไรที่เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งอยู่ ?
"เป็นกำลังใจให้นะคะ หลังจากที่พิมพ์เผชิญกับตรงนี้มาพิมพ์ก็รู้ว่ามีคนที่เผชิญเรื่องแบบนี้มากกว่าพิมพ์ น้อยกว่าพิมพ์และมีจำนวนที่เยอะมากๆอยากให้เป็นตัวแทนว่าตัวพิมพ์เองยังหายได้เลยเพราะว่าหนึ่งพิมพ์มีกำลังใจที่ดี สองพิมพ์ทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง มีระเบียบวินัยในการดูแลตัวเองพิมพ์เชื่อว่าถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้มันจะผ่านไป โรคนี้มันไม่เหมือนโรคอื่นๆมันเป็นโรคที่เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการที่จะต้องอยู่กับเขา มันไม่ได้ใช้เวลา 1-2 วัน กินยาแล้วหาย มันต้องรักษาตามกระบวนการซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร พิมพ์รู้ว่ามันทรมานมากแต่ว่าสู้ๆนะคะ ยิ่งเราเข้มแข็งกำลังใจเราดีอะไรก็ไม่สามารถมาทำร้ายร่างกายเราได้ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ"
มีผลกับการมีลูก ?
"ตอนนี้ก็ตัดรังไข่ไปข้างนึงก็ยังเหลืออีกข้างนึง ก็ไม่มีผลกระทบต่อการมีลูกอะไรเพราะยังเหลืออีกข้างนึงให้มีลูกได้ มดลูกยังมีอยู่"
ขอบคุณภาพจาก : IG pimmada
ที่มา : http://news.sanook.com/