แอบลุ้นให้คู่นี้กลับมารีเทิร์นอีกครั้ง เมื่อมีกระแสข่าวมาว่า "ตุ๊ก ชนกวนันท์" ขอกลับมาคืนดีกับอดีตสามี"บ๊วย เชษฐวุฒิ" ในวันคล้ายวันเกิดลูกสาว "น้องแพรว" แต่ฝ่ายชายกลับปฏิเสธ โดยใช้คำพูด 'อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว' ล่าสุดพอมีโอกาสได้ บ๊วย เชษฐวุฒิ จึงได้สอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าตัวได้ยอมรับว่าเคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นข่าวได้
เห็นเปิดร้านไก่ทอดใหม่แล้ว?
"ตอนนี้หมดสัญญากับทางเจ้าเดิม ก็เลยมาทำแบรนด์เป็นของตัวเองชื่อว่า คุณครูไก่ทอด และมีอีกร้านหนึ่งติดกันเลย ชื่อว่า อาจารย์ราเมง ทำสองร้านในร้านเดียวกัน ขายดีมากเลย คนรอคิว สูตรไก่คิดค้นขึ้นเอง มันทำให้เห็นว่าธุรกิจของเราควรจะทำด้วยตัวเองให้มากที่สุด"
ทำธุรกิจคนเดียว?
"เป็นกงสีของที่บ้าน จากหุ้นส่วนเดิมที่มีกับทางร้านไก่ทอดจากทางภาคใต้ไม่ได้ทำด้วยกันแล้ว กับเวียร์-ศุกลวัฒน์ก็ไม่ได้ทำแล้ว คุยกับเวียร์ว่ายังอยากทำอยู่ไหม เขาต้องการอิมพอร์ตรองเท้าจากนอกมากกว่า อยากโฟกัสธุรกิจตรงนั้นก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้หุ้นส่วนมีผมและกับทางโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดที่บุรีรัมย์ และกับน้องที่ทำร้านอาหารญี่ปุ่นมารวมกันสามหุ้นส่วนเหมือนเดิม"
แกรนด์โอเพนนิ่งเมื่อไหร่?
"ประมาณกลางเดือนหน้า(ก.ค.)"
ล่าสุดตุ๊กให้สัมภาษณ์พูดถึงเรา รู้สึกยังไง?
"ได้อ่านข่าวว่าตุ๊กมาขอคืนดีผม และผมบอกว่าอยู่แบบนี้ดีแล้ว จริงครับ มันเป็นคำพูดที่ผมพูดแบบนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งพูดในวันเกิดแพรว(ลูกสาว) เมื่อ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากหย่ามาประมาณ 2 ปีแล้ว คือพูดนานแล้ว ผมหย่ากับตุ๊กมา 5 ปีแล้ว มันผ่านมา 3 ปีแล้ว ขณะที่พูดตอนนั้นมันทำให้ผมเข้าใจเวลาที่คนด่าผม เพราะเราก็เคยด่าคนอื่นเหมือนกันว่า เมียอุตสาห์ขอคืนดีแล้วทำหยิ่งเป็นเทพบุตร หล่อมากหรือไง ไม่ต้องไปคืนดีกับมันหรอก ผมโคตรเข้าใจเลยครับ ชีวิตเราเคยมีแฟนเก่าแล้วพอกลับไปอยู่ด้วยกันมันมีนิสัยที่ทำให้เราไม่มีพลังในชีวิต ไม่ได้บอกว่าตุ๊กไม่ดีนะ อาจจะมีนิสัยที่ให้ผมเก็บผ้าไปตลอดชีวิต แต่ผมขี้เกียจเก็บผ้า ผมก็ไม่อยากเก็บผ้าเท่านั้นเองครับ เราเลือกชีวิตได้"
ณ ปัจจุบันเขายังมาขอคืนดีไหม?
"ไม่มีครับ เหตุการณ์มันผ่านมา 3 ปีแล้ว"
คือเขาพูดครั้งนั้นครั้งเดียว?
"ใช่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นข่าวได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดในชีวิตผมจริงๆ และเป็นเรื่องที่คนสนใจมาพูดทีไรมันก็สนุก ผมเข้าใจครับ"
ตอนนี้เราเหมือนโดนโจมตีหนักพอสมควร?
"เหรอ สำหรับการโจมตีหนักผมก็ขอบคุณนะ สิ่งที่ได้ฟรีในโลกนี้คืออากาศกับข้อคิดเห็น ดังนั้นเราต้องกลับไปดูว่าเราเป็นยังไงมากกว่า ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเราเพราะไม่ได้เสพสื่อ ไม่ได้สนใจข่าว สิ่งที่เราทำตอนนี้มองว่าเราทำเพื่อใคร พอเราเข้าใจตัวเองมันไม่มีปัญหากับเรื่องข้างนอกแล้ว"
รู้สึกยังไงที่เขามาพูดอีกครั้งทั้งที่ผ่านไปนานแล้ว?
"ไม่เคยโกรธเขาเลย ไม่รู้จะโกรธทำไม ทุกวันนี้เช่นการอยู่กับตุ๊กแค่การเอาลูกมาเลี้ยงมันยังมีช่องที่ไม่พอดีกันเลย มันทำให้เราหงุดหงิดใจแต่ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องโกรธ หงุดหงิดใจเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ อารมณ์เกิดขึ้นบ่อยๆมันทำให้เราไม่มีความสุข ถ้าไม่อยากอยู่ในสภาวะแบบนั้นก็พาตัวเองออกมาก็จบเท่านั้นเอง"
เห็นว่าตอนนี้ว่าง อยากเจอลูกบ่อยๆ?
"ที่ผ่านมามันมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ บางรายการก็ไม่ได้ถ่ายทุกวันแล้ว ช่วงนี้เปลี่ยนแปลงแบบนี้ ช่วงนั้นเปลี่ยนแปลงแบบนั้น เราก็จะบอกตุ๊กวันไหนก็ได้ให้พี่หน่อย เขาบอกว่าเขาก็ว่างเหมือนกัน อยากอยู่กับลูกเหมือนกัน เราก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา ตามกฏหมายจะได้เดือนละ 2 วัน เขาบอกให้เกินแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง ก็เถียงอะไรไม่ออก ต้องรับสภาพแบบนั้น ของทุกอย่างมันมีแง่มุมให้มอง มองให้ถูกใจก็มองได้ว่าดีจังเราจะได้ไปพัฒนาธุรกิจ อยู่กับร้านว่ามีช่องทางอะไรให้ต่อยอดได้บ้าง เพราะชีวิตเรามีลูก หลักๆ เราคิดถึงลูกอยู่แล้ว เรายังมีครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง หรือเพื่อนหุ้นส่วนเข้ามาใหม่อีก"
เคยต่อลองไหมว่าอยากมีเวลาเจอลูกมากขึ้น?
"เรื่องส่วนตัวผมบอกอยู่แล้วนะว่าตุ๊กแบบนี้ อยากเจอลูกแบบนี้ อย่างวันนี้ก็ไลน์ไปหาตุ๊กว่าขอไปเจอลูกหน่อย ตุ๊กยังไม่อ่าน เราก็เสนอหน้าไปรอที่โรงเรียนเลย พอไปเจอตุ๊กเขาก็รับกลับบ้านไป เจอแค่นั้นมันก็ยังดีไง แฮปปี้ เราอยากอยู่กับลูกแต่เขายังไม่สะดวก เราก็กลับมาดูร้านของเรา มาทำธุรกิจของเรา"
ลูกทั้งสองโตขึ้นแล้ว เขามีบอกว่าอยากอยู่กับพ่อมากขึ้นไหม?
"ผมเพิ่งถามลูกล่าสุดที่มาอยู่กับผมเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเอง ว่าเวลาแด๊ดดี้กับคุณแม่ไม่ได้เจอพร้อมกันบ่อยๆ หนูโอเคไหม เขาบอกโอเค คือลูกผมไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหานะครับ ผมก็อ่านข้อมูลมาเหมือนกันนะว่าเด็กจะมีปัญหาเพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน ผมเข้าใจ และการที่ราเสพข้อมูลมันจะทำให้มาอยู่ในสมองเรา พอเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเราก็จะดึงมันขึนมา บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ เด็กที่พ่อแม่หย่าร้างแล้วมีปัญหา ร้อยเปอร์เซ็นต์ผมจะยอมรับมัน แต่สำหรับผมไม่ใช่แบบนั้นครับ"
เรายังแฮปปี้กับตรงนี้ใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม?
"ต่อให้ไม่แฮปปี้เราก็ต้องมองว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทุกคนต้องรับผิดชอบว่าทำยังไงให้ตัวเองแฮปปี้ เราก็มีรอยยิ้มออกไปได้ มีกำลังในการต่อสู้ต่อไป เพราะสุขกับทุกข์มันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ข้างนอก ชีวิตแบบนี้เรามีความสุขมาก เราทำนู้นทำนี่ได้ ผมก็มีท้อมีเหนื่อย แต่เราจะทำอย่างไรให้มีความสุขกับตัวเอง มองอย่างไรแค่นั้นเองครับ"
เรื่องการเลี้ยงดูก็ยังส่งเสียอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม?
"ทุกอย่างอยู่ในสัญญาครับ เชื่อเถอะว่าถ้าไม่อยู่ในสัญญาต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ให้มั่นใจได้"
ที่มา sanook